I will be your mirror

ตุลาคม 27, 2009

000008_edit

000012

เป็นเวลานานตั้งแต่เด็กจนโต ครอบครัวนี้มีสามคน บ้านหลังนี้ย้ายมาได้ประมาณสิบปี แม่ไม่สบาย เป็นโรคเกี่ยวกับ อาการทางประสาทที่เรียกว่า Panic และความดัน ส่วนพ่อร่างกายแข็งแรงออกกำลังกายทุกวัน กิจการที่บ้านขายวัสดุก่อสร้าง พ่อเป็นคนขยัน แม่ก็ขยันทำทั้งงานบ้านและงานในกิจการ ว่างๆก็ขายแอมเวย์ ผมจะไปกลับระหว่างหอกับบ้าน ถ้าช่วงไหนเรียนหนัก ก็จะกลับบ้านน้อยหน่อย แต่ถ้ากลับทีแม่จะดีใจมาก บ้านจะดูเป็น”บ้าน”มากขึ้น แต่ถ้าไม่กลับนานๆทีไร มันจะมีปัญหาทุกทีและพอมีปัญหาทีไร บ้านที่อยู่ จะคล้ายโรงบาล ไม่มีความรู้สึกอุ่นๆ ทุกคนต่างอยู่ต่างกินไม่มีบทสนทนาระหว่างพ่อกับแม่ มีแต่ผมคนเดียวที่คอยเชื่อม เค้าสองคนได้ ผมถ่ายภาพพวกนี้ไปเรื่อยๆ โดยการหาเรื่องราวจากสิ่งที่เป็นอยู่ สุดท้ายรุปภาพพวกนั้นจะมีค่ามากต่อการสะท้อนความเป็นอยู่ในด้านลบๆ ของบ้านผม

ภาพที่ถูกตัดจากน้องมาเป็นเทคนิคนึงในเอมวีตัวใหม่

ตุลาคม 25, 2009

IMG_1349

IMG_1317

IMG_1336

มีวันนึงผมได้นั่งคุยกับน้อง ที่กำลังทำโปรเจคที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขาเองกับคนรอบข้าง ทั้งครอบครัว เพื่อน แฟน รูปที่ถูกไดคัทจากน้อง (คือเขาจะเอาแค่ตัวคนไปใช้ในงาน) ผมเห็นส่วนที่เหลือ ที่เป็นช่องว่างที่หายไปมันน่าสนใจมาก ซึ่งในภาพจะเหลือแค่ ตัวละครหลัก (ที่หายไป) กับแวดล้อมรอบข้าง ซึ่งมันกระตุ้นให้เราเดาเหตุการณ์นั้นๆว่าเป็นใคร ทำอะไร ที่ไหน จากแบคกราว ผมเองก็ไม่รู้ในตอนแรกว่าจะเอาไปทำอะไรดี พอกลับมาลองเอารูปที่ได้มาจากน้องมาวางบนจอคอมพิวเตอร์ แล้วลองเล่นวีดีโอที่ทำมาไปพร้อมๆกัน เอฟเฟกค์ของรูปที่อัดมันมีความเป็นโปร่งแสงอยู่ ซึ่งวีดีโอแบคกราวเป็นวีดีโอที่ผมทำเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวเช่นกัน ความน่าสนใจอยุ่ที่การซ้อนทับกันของเรื่องกับเรื่องซึ่งมันจะให้ผลไม่เหมือนกับการซ้อนกันในคอมพิวเตอร์ ไอเดียและเทคนิคนี้จะถูกพัฒนาจากรูปนิ่งไปเป็น stop motion เคลื่อนไหว และน่าจะได้เอาไปใช้ในเอ็มวีตัวใหม่ที่กำลังทำ Lomosonic เพลง บาด ซึ่งตอนนี้ผมกำลังทดลองพวกรูปที่อัดแบบไหนให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องและความหมายมากที่สุด

I am a Thai graphic designer (moving image)

ตุลาคม 17, 2009

Picture 1

Picture 2

Picture 3

Picture 4

หลังจากได้โจทย์มาว่าให้ทำภาพเคลื่อนไหว 25 วินาที เพื่อที่จะเอาไปเปิดในงาน ไอแอมอะไทยกราฟฟิคเอกซิบิชั่น ผมจึงเอาไอเดียที่อยากทำมานานแล้ว

ไอเดียของงานนนี้ มาจากความเห็นส่วนตัวที่ผมมีต่ออาชีพนักออกแบบ ที่จริงนักออกแบบก็คือคนหนึ่งที่สามารถกำหนดสื่อที่จะมีผลต่อคนดูได้ ซึ่งการที่

คนเราจะมีประสบการณ์ มีความรู้ได้ ต้องรับมาจากสื่อในหลายๆด้าน นักออกแบบที่ดีก็เช่นกัน ควรใช้สิทธิที่ตัวเองมีให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะชน

เราสามารถออกความคิดเห็นที่มีต่อสังคมได้ ด้วยมีเดียมที่เราคุ้นเคยนั่นเอง ส่วนเรื่องในยี่สิบห้าวินาทีนี้ ผมคิดถึงสื่อที่ประโคมอย่างรุนแรงต่อประชาชนที่

คล้ายกับผู้เคราะห์ร้ายโดยไม่รู้ตัว ญี่ปุ่นมา เกาหลีมา แล้วอะไรจะต่อไป? ไอเดนติตี้ของไทยหละ ห้างบางห้างยังเปิดเพลงเกาหลีกรอกหูอย่างแผ่วเบา

เหมือนกับการสะกดจิต  ผมไม่ได้เกลียด เคอิโงะ แพนด้า หรือว่าเกาหลีนะครับ แต่ผมรู้สึกว่า มันเป็นกระแสที่พัดมาอย่างรุนแรงแล้วก็หายไป บางทีก็สงสารเด็กๆที่ดูนะ

บางทีการจัดเรตก็อาจจะไมได้ช่วยอะไรหรอก ตราบใดที่พวกคุณยัง ฮาร์ดเซล คนอยากได้อะไรก็ทำให้แบบนั้น บางทีมันฝึกและปลูกฝังนิสัยเสียๆ ให้คนไทยต่อๆไปนะ

ผมกำลังเล็งปืนไปที่ สื่อของไทยมากกว่า แล้วผมก็คาดว่า เสียงปืนกระบอกเล็กนี้ มันน่าจะดังในรัศมีห้าเมตร รอบๆเอกซิบิชั่น หวังว่าเสียงปืนมันน่าจะ

ไปสะกิดใจใครต่อใครไม่มากก็น้อย   ผมก็ไม่รู้เหมือนกันมันจะได้ผลอะไรไหม แต่ผมพยายามถามความเห็นของคนหลายกลุ่มเลยนะและแก้ไอวีดีโอตัวนี้หลายรอบเพื่อให้

มันตรงกับสิ่งที่ผมอยากบอกที่สุด แต่ไม่อยากให้มันเครียดมากนะ  ถ้ามีโอกาส ก็อยากจะทำงานแบบนี้ออกมาอีก เพราะรู้สึกเหมือนได้โยนขี้ดี เพื่อนๆช่วยดมหน่อยเถอะฮ่าๆๆๆ

ดูวีดีโอนี้ตามลิงค์นี้เลยครับ

I am a Thai graphic designer from yellowpillow on Vimeo.

แนวคิด กับการทำ visual ให้ Kraffa

ตุลาคม 14, 2009

เมื่อวันที่ 11 ที่ผ่านมาผมได้ทำวิชั่วล์ประกอบเพลงให้ Kraffa ในงาน I am a Thai graphic designer ซึ่งออกมาเป็นที่น่าพอใจแต่สำหรับผมผลกลับออกมาไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง

เลยครับ นั่นอาจจะไมใช่ประเด็น หลังจากที่ได้เล่นเสร็จผมได้ขอคอมเม้นท์จากทุกคนเท่าที่จะขอได้ ตั้งแต่คนอายุวัย 50 ไปจนถึง เด็กมัธยมรุ่น ม.5

ก็ออกมาโอเคครับ เพื่อประโยชน์ต่อๆไป จะมาเล่า แนวคิดกับเรื่องภาพของ ผม ที่ทำให้เพลงของ คิต กันครับ

เวลาทำงาน ช่วงประสานงาน ผมจะเป็นในแบบ คู่ขนาน ทางใครทางมัน แต่คิตจะทำเพลงออกมาก่อน ส่วนผมก็จะหาอะไรที่สนใจถ่ายเก็บไว้

บวกกับการคาดเดาว่า ภาพหรือการเคลื่อนไหวแบบนี้น่าจะอยู่ในเพลงของ คิตได้ซักเพลงนึง แต่พอเมื่อเวลาเราจะได้เล่นกันจริงแล้ว เราจะติดต่อกันเรื่อยๆ

คิตมีอะไรอัพเดทก็จะมาบอกให้ผมฟังครับ ส่วนเรื่องภาพก็แล้วแต่เราเลยว่ามีความคิดเห็นยังไง กับเสียง หรือ ซาวน์แบบนี้

Picture 1

Picture 6

มาเพลงแรกครับ untitled song เป็นเพลงที่ ทำไว้เล่นสดครับ ในเพลงจะมีเสียงเด็กคล้ายอยู่ใน โรงเรียนครับ

ภาพที่ผมใช้ก็จะเป็นลูกน้ำลอยช้าๆๆอยู่ในน้ำแป้งที่ผสมแล้วค่อยๆโรยลงมา ไอเดียคือ ลูกน้ำก็ยังเป็นตัวอ่อนของยุง มีการเคลื่อนไหว ยุกยิกถึงจุดนึงมันก็จะลอยนิ่ง

คล้ายกับเด็กที่ซุกซนเหมือนเวลาเล่นมากๆเหนื่อยก็จะพัก และบวกกับเสียงของเพลงนี้จะเป็นอะไรที่ลอยๆช้าๆ แต่จะมีการเคลื่อนไหวซินท์กับจังหวะของเพลงอยุ่บ้างในช่วงหลังๆๆ

ซึ่งจะเป็น Beat ของกลอง ผมคิดว่าการทำ visual เพลงแนววนี้ เสียงเด็กบางทีเราก็ไม่จำเป็นต้องทำภาพให้เป็นเด็กก็ได้ เราก็น่าจะยื่นมุมมองอื่นให้คนดูได้ลองจินตนาการว่า

เอ๊ะทำไมเปนลูกน้ำนะ หรือตีความหมายใหม่ๆให้คนได้ดูกันก็น่าจะสนุกดี

Picture 1

เพลงที่ 2  มีชื่อเพลงว่า An old diary

ส่วนมากคนที่มาดูมักจะไม่รู้ว่า เพลงมันชื่ออะไรเพราะเนื้อหาเพลงนี้ก็จะใช้เสียงที่อัดมาเล่าเนื้อหาและอารมแทน เช่นเสียงพับกระดาษ แต่มันโดนดิสทอร์ตหรือใส่เอฟเฟกบาง

อย่างลงไป คราวนี้อย่างเพลงนี้เราก็มีหน้าที่เล่าเนื้อหาแทนตัวเพลง ซึ่งเพลงนี้ผมอยากให้มันมีเนื้ออยู่ในนั้นมากกว่าที่จะเป็นวิชัวล์ภาพเปล่าๆบ้าง ผมก็ได้ใช้ภาพถ่ายแม่กับผม

ตอนเด็ก ฟิมล์ไสลด์  หรือว่าสมุดไดอารี่แม่ที่เขียนถึงผม มาถ่าย เหมือนกับการที่เรากำลังระลึกถึงใครบางคนเวลาเปิดสมุดไดอารี่ นึกถึงสถานที่บางแห่ง ไม่แน่ใจแต่คับคล้ายคับ

คลาว่าที่ไหน เสียงเคาะ ก๊อกๆ ไปทั้งเพลง ส่วนตัวแล้วพอฟังแล้วจินตนาการถึง เหมือนเรานั่งไทม์แมชชีนเลย เหมือนกลับไปหาอดีต วัยเด็กอีกครั้ง

ซึ่ง ภาพกับเพลงนี้ผมชอบที่สุดเลยตั้งแต่ทำมา ^ ^

Picture 2

เพลงที่ 3 untitled song เพลงที่ kraffa ทำไว้เล่นสดเช่นกัน

ส่วนเพลงนี้ เป็นบีทเบาๆน้อยๆ เป็นจังหวะซึ่งเสียงของบีทนั้นๆจะมีเสียงแตกซ่าเล็กๆอยู่ ผมเลยได้ถ่ายฟองโซดามาครับ โดยการไม่ใช่ขาตั้งกล้องเพราะตอนนันไม่มี ได้ผลที่มีการ

ขยับที่เหมาะเจาะกับจังหวะเพลงนี้ดี ผมเลยเพิ่มให้คลิปดูมีมิติขึ้นโดยเรียงฟุตเทจลึกเข้าไป แต่พอเล่นเข้าจริงๆ คลิปกลับดูน่าเบื่อครับ อาจจะเพราะว่าทำมาแค่สองแบบเท่านั้น บวก

กับไม่ได้คุยเรื่องเวลากันว่าจะเล่นนานเท่าไหร่

Picture 4

Picture 5

เพลงที่ 4 เป็นเพลงที่ไม่ได้มีชื่อเพลงครับ

ซึ่งในเพลงจะมีเสียงนกร้อง บรรยากาศคล้ายๆฝนตก เสียงเด็กจากที่ไกลๆ แต่กลับเปนว่า ไอเสียงฝนตกนั้น ผมดันไปนึกถึงฟองนำ้นะ หรือแบบ เหมือนต้มน้ำเดือดๆไป

ด้วยอารมเพลงทั้งหมด คลิปเพลงนี้เป็น ลูกไร ไรทะเลที่เราหาซื้อกันตามร้านขายปลาแหละครับ คลิปเพลงนี้ผมได้ถ่ายเก็บก่อนหน้านี้แล้ว ทำไม่ทันครับเลยใส่ไปเลย

ถ้ามีโอกาส หรือเวลามากกว่านี้ คงจะได้ ทำจากแนวคิดจริงๆ ออกมาครับ

Picture 18

Picture 19

เพลงที่ 5 ชื่อเพลง serene

แนวความคิด มาจากการที่เราฟังเพลง บวกกับหาความหมายของคำว่า serene ซึ่งแปลว่า สงบน่ิง เยือกเย็น ผมเลยนึกถึงการเคลื่อนไหวของหอยทากครับ มันเป็นสัตว์ที่น่าสนใจ

จริงๆเลย บางคนมองว่ามันน่าเกลียดนะ แต่พอเราเอามาเลี้ยงเพื่อรอถ่ายได้คืนนึง ดูมันเคลื่อนไหว โคตรมีความสุขเลย มันช้าาาาา มาก ดีเทลหรือว่า ฟังก์ชั่นในตัวของมันเองก็มี

มากเช่นกัน อย่างเวลาเราหงายท้องมันออกมาเนี่ย มันจะมีรุปทรงคล้ายอวัยวะเพศหญิงมาก (ไม่เชื่อลองดู) เดินบนน้ำได้อีกแหนะ ส่วนการเคลื่อนไหวมันเองก็มาจากท้องที่ขยับ

เป็นคลื่นๆ ตามันยืด-หดได้คล้ายอวัยะวเพศชาย (ไม่เชื่อลองแตะดูเบาๆ) บางทีมันเป็นสัตว์ที่คนเราควรเอาตัวอย่างเหมือนกันนะ ใช้ชีวิตช้าๆลง อายุจะได้ยืนขึ้น สงบนิ่งขึ้น

หลังจากที่ถ่ายมาแล้ว ผมนั่งงมอยู่นานมากกับการที่จะทำอย่างไรให้ดีเทลของมันเข้ากับเพลงนี้ ผมเลยลองปรับ เบลอ ให้เหลือแต่รูปร่างลางๆกับการขยับช้าๆ และโทนสีให้ดูเยือก

เย็นขึ้น แอบตื่นเต้นอยู่เหมือนว่าเวลาเล่นจริงจะเป็นไง ผลออกมาก็โอเคครับ ดูเมกเซนส์ดี

Picture 2

เพลงที่ 6 เพลงสุดท้าย kraffa 8 นาที

เพลงนี้เกิดจากการนำเสียงเพลงต่างๆมาบวกรวมกัน ตัดไปมาสลับ ระหว่างเสียงเหล็ก ทีวี น้ำ ทีวีซ่าฯลฯ พอผมได้ฟังเพลงนี้ก็นึกถึง สัญญานทีวี ที่โดนแทรกคลื่น ซึ่งเพลงนี้ผม

อยากจะใส่ความหมายลงไปด้วย ประเด็นคือ โทรทัศน์ กับสื่อที่ออกมา เหมือนเป็น มีเดียมที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งข่าว โฆษณา ดารา นักแสดง ผมได้อินเสริช เด็กดูดนมแม่ เด็ก

ในครรภ์เข้าไป ซึ่งเป็นชอตสั้นๆเล็กๆตัดสลับกับ ข่าว ที่มีอิทธิพลต่อมนุษย์ทั้งหลาย เช่น เคอิโงะ นักร้องไทยแต่น้องเพลงเกาหลี ข่าวลูกแพนด้า ผมลองนำสองสิ่งมาเปรียบเทียบกัน

ระหว่างสองโลก คือโลกเด็กที่อยู่ในท้องยังไม่รับรู้สิ่งใดๆเข้าไป คือความอินโนเซนท์ แต่เมื่อโตออกมาแล้ว เขาจะต้องมาอยู่ในโลกแห่งสื่อข่าวสารที่พัดมาและพัดไปกับการประโคม

ข่าวอย่างรุนแรงหรือพวกนี้หรือ ?  หลังจากเล่นเสร็จ ทุกคนยังไม่เข้าใจประเด็นที่ผมจะพยายามสื่อสารในคลิปนี้ฮะ เนื่องจาก ภาพตัดสลับไวและส่วนที่เป็นเนื้อมันมีน้อยเกินไป

เดี๋ยวไว้คราวหน้าจะลองดูใหม่ครับ

ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่มาดูงานเล็กๆที่ตั้งใจทำครั้งนี้ฮะ ^ ^

พ่อไปดูพ่อบอกไม่ชอบบอกของเบสท์ไม่เจ๋งสีจืดๆ แม่ไม่สนใจอะไรแม่บอกว่า old diary แม่ดูแล้วเศร้าดี ฮ่าๆๆๆ

I am a Thai graphic designer exhibition

กันยายน 29, 2009

keyvisual_vs2

วันอาทิตย์ที่ 11 ต.ต. 2552 : 14.00-16.00 น.
พบกับการแสดงซาวน์กราฟิกโดยกลุ่มนักออกแบบหัวใหม่
อาทิ Kraffa VS Eyedropper Fill,
Spookery Atomic Computer VS Friend, Death and Tape,
Giwii Not Shake VS 662 Auditory Visual Graphic Group.
ในบรรยากาศสบายๆ ในวันสุดท้ายของนิทรรศการ

คลิปวีดีโอที่ทำมาน่าจะได้ไปในแสดงในวันนี้นะฮะ

Some thing still call to my mind finish version

กันยายน 28, 2009

Something still call to my mind

Some thing still call to my mind from yellowpillow on Vimeo.

I made this short video from the impression between personal stuff and owner. So I try to interpret my feeling and idea into this motion picture work.: All of these stuff are used in the moment of time.It will be an one part of recording the memories that still revolved around forever.

ทำไมผมมักจะมีความสุข เวลาได้เห็นของเก่าๆที่สภาพถูกการใช้งานไม่ว่าจะเป็นของใครก็ตาม หรือแม้กระทั่งมีความสุขแม้เวลาได้ดมกลิ่น หนังสือเก่า หมอนเก่า เสื้อเก่า ผมจึง

ได้ไอเดียสั้นๆที่เกิดจากสิ่งของส่วนตัวที่เราเห็นและใช้ในชีวิตประจำวัน เมื่อเราใช้มันไปวันนึงถ้าเราเก็บลงลัง เอาไปทิ้ง หรือสมมติว่าเราตาย ถ้าสิ่งของเหล่านั้นมีชีวิตมันก็คง

เป็นส่วนนึง ที่บันทึกความทรงจำของเราช่วงเวลานั้นได้เหมือนกัน มันอาจจะไม่ได้บันทึกออกมาเป็นภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหวหรือเสียง ที่เราสัมผัสหรือคุ้นเคยแบบรูปธรรม แต่

มันก็เป็นความรู้สึกที่เรามีต่อของชิ้นนั้นๆ ผมเลยพยายามตีจากไอเดียกับความรู้สึกให้ออกมาเป็นภาพเคลื่อนไหวชิ้นนี้

โปรเจคใหม่ที่กำลังทำอยู่

กันยายน 6, 2009

Picture 3

Picture 4

Picture 5

3852946355_181d2fe5f1

ต้นเดือนหน้านี้ จะมีงาน I am a Thai graphic exhibition ครับ ซึ่งผมได้มีส่วนร่วม โดยทำภาพเคลื่อนไหวให้กับ ศิลปินดนตรี แนว Ambient ที่มีชื่อว่า Kraffa ซึ่งเป็นเพื่อนผมเอง เลยได้ทำคลิปวีดีโอเซ็ตนึง ที่รวบรวมสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ที่มีการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ซึ่งเมื่อมองในระยะใกล้แล้ว สัตว์เหล่านี้ที่เราเจอในชีวิตประจำวัน เราสามารถเอามาทำเป็นงานได้ฮะ สัตว์เหล่านี้มีหน้าตาท่าทางและดีเทลที่น่ารักมากจริงๆ ซึ่งผมคาดว่าน่าจะเอามาใช้ประกอบกับจังหวะเพลงแนวนี้ได้ แต่ตอนนี้ยังไม่เสร็จดีฮะ ไว้ถ้าเสร็จแล้วจะมาอัพให้ดูกันครับ ^ ^

“ฉันอยากถูกรักบ้าง บางครั้ง”

สิงหาคม 15, 2009

000030

000033_edit

000009

000001

000018_edit

000007_edit

000027

เป็นเซทภาพถ่ายที่ อยู่ในวิชา Basic of photography ซึ่งอาจารย์ผมให้ตีมมาว่า “Lost in Bangkhuntien” ซึ่งเป็นโปรเจคถ่ายภาพแฟชั่น ข้อกำหนดคือ โลเคชั่นหน้าคณะผม นั่นคือ บางขุนเทียนนั่นเอง ซึ่งงานนี้ผมอยากลองเอาสิ่งที่กำลังทดลองและรีเสริชอยู่ มาต่อยอดจากโปรเจคแรกที่คอยตามถ่ายรูปทรงธรรมชาติเพื่อสร้างความหมายในแง่ต่างๆที่เกี่ยวกับเรื่องเพศ โดยเซทนี้ผมเอาผลไม้มาเพิ่มองค์ประกอบอื่นเพื่อสร้างเรื่องราว

แนวคิด

” โอ้ย ฉันมันทั้งอ้วนทั้งเตี้ยแถมมีสิว ใครมันจะมาเอาา !!” มักเป็นประโยคที่ผมได้ยินบ่อยๆจากคนรอบข้าง ที่มักประชดประชันกึ่งต่อต้านตัวเอง เป็นประโยคที่แสดงถึงความน้อยเนื้อต่ำใจ ในอีกขณะหนึ่งสำหรับผมมันเป็นประโยคที่แสดงถึงความเหงาเช่นกัน แน่นอนว่า คนทุกคนล้วนอยากมองแต่สิ่งที่งามตาเป็นธรรมดา แต่ทว่าข้างในหละบางครั้งอาจโหดร้ายหรือสวยงามกว่า เพียงแต่ว่าเราได้ลองพยายามที่จะเข้าไป พินิจวิเคราะห์มันรึยัง ผมเปรียบกลุ่มคนเหล่าคล้ายกับผู้ป่วย แต่กลับเป็นอาการป่วยทางใจ ซึ่งอาจจะต้องการคนบำบัดดูแล ซึ่งบางครั้งอาจจะมาจากทั้งทางกายและทางใจ แต่ในเมื่อไม่มีใคร สุดท้ายก็เหลือแค่ตัวเองเท่านั้นที่จะทำหน้าที่ทั้งหมอและคนไข้ในเวลาเดียวกัน
ด้วยสิ่งที่ผมตั้งคำถามเหล่านี้ กับตัวเอง กลายเป็นแรงกระตุ้น ทำให้ผมอยากจะพูดบางอย่างถึงสถานะของกลุ่มบุคคลเหล่านั้น

Symbolization from Nature

สิงหาคม 2, 2009

IMG_9519_editIMG_9523_edit

IMG_1383_edit
IMG_9535_edit
เป็น งานที่ผมสนใจทำโดยส่วนตัวฮะ ไม่เกี่ยวอะไรกับงานในมหาลัยทั้งสิ้น หลังจากที่ผมเรียนในหมาลัย ด้วยวิธีการสอนแบบเน้นความคิด
และรีเสิรชก่อนที่จะออกมาเป็นงานชิ้นๆหนึ่ง ระหว่างจากจุดเริ่มต้นของงานๆนึงไปจนถึงปลายทางที่เราได้ผลผลิตออกมา การเรียนแบบ
นี้ทำให้ผมได้เห็นคุณค่า “ระหว่างทาง” กว่าเราจะถึงจุดหมายนั้นๆ หลังจากที่ผมร่ำเรียนมาสามปี ก็เลยอยากเอาสิ่งที่อาจารสอน มาลอง
ทำงานด้วยตัวเองดูบ้าง โปรเจคนี้เป็นงานที่ผมทำขึ้นจากการที่เราสังเกต เห็น รูปทรงหรือว่าความหมายของสิ่งในธรรมชาติ ซึ่งมีลักษณะ
คล้ายกันกับมนุษย์ ทำไม ผู้หญิงต้องเป็นดอกไม้ ? ฟอร์เวิดเมลล์ที่รูปดอกไม้คล้ายกับอวัยวะทั้งเพศชายและหญิง หรือ ในหนังหลายเรื่อง
ชอบให้ผู้หญิง กัดไส้กรอก กินกล้วย หรือว่าดื่มนม เพื่อสื่อถึง อารมณ์ทางเพศ
เอ…. ผมก็เริ่มสงสัยตัวเองเหมือนกัน จากความสนใจนี้ผมเลยลองถ่ายรูป สิ่งที่ผมสังเกตเห็น ซึ่งของทั้งหมดเป็นผลิตผลมาจากธรรมชาติ
นะฮะ ขอใช้เวลาซักพักในการเก็บข้อมูลและทดลองหลายๆวิธี อาจจะไม่ใช่แค่ถ่ายรูปแล้ว แต่อาจจะเป็นการทดลองใน tool และวิธีอื่นๆ
ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยุ่กับสิ่งที่ผมได้และต้องการจะค้นหาต่อ อย่างน้อยที่สุดผมก็หวังว่ามันจะต่อยอดให้ผมหรือว่าคนอื่นๆเอาไปดัดแปลงเป็น
งานชนิดอื่นๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละคนจะสนใจอะไรในตัวงาน อาจะเป็นทั้งรูปร่าง ความหมาย หรือว่าความสวยงามก็ตาม
“บางที เราอาจจะไม่ต้องก้าวหรือมองอะไรไปไกลขนาดนั้น แค่สิ่งรอบตัวนี่ก็มีอะไรให้เล่นให้สนุกมากพออยู่แล้ว”

Araki Nobuyoshi

กรกฎาคม 21, 2009

ช่างเป็นหนุ่มแก่ที่ ไม่ยอมหมดพลังการทำงานและไอเดียจริงๆ ผมชอบทั้งแนวคิด

งานละการดำเนินชีวิตของเค้าท่านนี้